กรณีศึกษา : CASE STUDY
บ้านน็อคดาวน์ ผ่านวิกฤติล้มละลายสู่การเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคการทำงานมากว่า 5 ปี ทั้งโดนโกงและต้องสูญเงินทุนจำนวนมากไป ฉะนั้นจากธุรกิจที่เคยล้มเหลวในวันนั้น กลับได้มายืนใหม่อีกครั้งในวันนี้ กับธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ ที่กลายเป็นอาชีพสร้างรายได้กว่าร้อยล้านบาทต่อปี และจากเด็กหนุ่มชัยนาทที่อยากเป็นเศรษฐี สานฝันตนเองให้เป็นจริงจนจับหลักลู่ทางได้อย่างมั่นคง
“บ้านน็อคดาวน์” คือ บ้านถอดประกอบ โดยโครงสร้างของตัวบ้านทำจากเหล็กกล้า เพื่อประหยัดเวลา และลดต้นทุนการสร้างบ้าน ซึ่งวัสดุที่ใช้ประกอบส่วนต่างๆนั้นจะมีน้ำหนักเบา แต่มีคุณภาพที่ดีเยี่ยม พร้อมกับการันตีการใช้งานได้มากถึง 50 ปี เพียงแค่สั่งซื้อบ้าน ก็จะถูกขนส่งไปถึงลูกค้าได้เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น และทุกอย่างก็จะเสร็จสินลงตัวพร้อมเข้าไปอยู่ได้เลย ดังนั้นบ้านน็อคดาวน์ซึ่งเป็นบ้านที่มีขนาดย่อม จะถูกพัฒนาให้เป็นมีบ้านชั้นเดียวขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร จนไปถึง บ้าน 2 ชั้น ซึ่งใช้สำหรับอยู่อาศัยแบบครอบครัว เป็นบ้านพักตากอากาศ หรือจะใช้เพื่อการทำธุรกิจรีสอร์ท อพาร์ทเม้นท์ก็ได้ ทั้งนี้ภายในตัวบ้านมีการกั้นห้องและแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน มีห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้องน้ำ ซึ่งบ้านในบางหลังสามารถจัดสรรพื้นที่ให้มีห้องนอนมากถึง 5 ห้อง 4 ห้องน้ำ ได้ อีกทั้งส่วนระบบท่อน้ำและการเดินสายไฟต่างๆ จะถูกออกแบบมาอย่างดี ให้ถูกฝังไว้ตามแนวกำแพงและพื้นของตัวบ้าน
ในปัจจุบันนี้ ธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยคุณโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ เจ้าของบริษัท บ้านไทยโฮม จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จของธุรกิจนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ของคุณโอฬาร เริ่มต้นมาจากการอยากก้าวผ่านการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานหนักสัปดาห์ละ 6 -7 วันในตำแหน่งวิศวกรแต่กลับได้ผลตอบแทนแบบไม่สมน้ำสมเนื้อ ผนวกกับคุณโอฬารได้จบจากรคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมกับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานโรงงานมาก่อน ทำให้คุณโอฬารเริ่มคิดหาแนวทางการขยับขยาย และเริ่มกิจการเป็นของตนเอง ซึ่งคุณโอฬารได้บอกกล่าวถึงการดำเนินธุรกิจว่า ในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้น ต้องมีการลองผิดลองถูกหลายครั้ง ล้มเหลวมาหลายรอบ จนกระทั่งทำให้เงินทุนก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ถาโถมเข้ามาสร้างไอเดียบ้านน็อคดาวน์ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ที่มีอยู่ และนวัตกรรมหรือจะเรียกว่าภูมิปัญญาแบบไทยๆของเรา อย่างแม่แรงมาช่วยสร้างให้กระบวนการการก่อสร้างของบ้านน็อคดาวน์ประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะมีไอเดียที่โดนใจกลุ่มลูกค้าแล้ว เจ้าของกิจการยังจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเรื่องการทำการตลาดด้วย ซึ่งในการทำการตลาดของธุรกิจบ้านน็อคดาวน์ประกอบด้วย 3 ช่องทางดังนี้
1. Website : ในการเปิดตัวปีแรกๆ ได้จำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
2. Facebook: พอเริ่มมี facebook ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากในปัจจุบัน โดยเป็นสื่อที่สามารถกำหนดการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ทำให้ในการเปิด facebook page สามารถทำยอดขายไปได้ 20 ล้านบาท/ปี และขยับมาเป็น 40 ล้านบาท/ปี ในปีถัดมา
3. Fair Exhibition: งานแสดงสินค้า ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นแหล่งรวบรวมกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการคล้ายคลึงกันไว้ในที่เดียว และเป็นการได้สัมผัสตัวสินค้าแบบจริงๆ ทำให้ยอดขายทะลุเป้าหมาย เพียงแค่เปิดขาย 9 วัน สามารถทำยอดขายได้ถึง 40 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าการจัดการการตลาดมีความสำคัญมากพอๆกับตัวผลิตภัณฑ์เลยทีเดียว
ส่วนสำหรับการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายในเวลาเพียง 5 ปีนี้ ย่อมต้องมีปัญหาเรื่องของการทำงานแน่นอน ซึ่งปัญหาที่เจอ คือ Corruption เกิดการโกงเงินภายในบริษัทวิศวะกรที่ไปทำสินเชื่อกับร้านค้าวัสดุ โดยเอาวัสดุไปใช้ในเรื่องส่วนตัว ทำให้ลูกค้าไม่ได้บ้านตามเวลาที่กำหนด ทำให้คุณโอฬารต้องยอมขาดทุนไป ดังนั้นจึงต้องคิดตลอดว่า “ทำแล้วไม่ได้เงิน แต่ได้ชื่อเสียงกลับมา นั่นก็ถือว่าสำเร็จมาแล้วหนึ่งก้าว”
ที่มา : smart sme
http://www.smartsme.tv/knowledge-detail.php…
http://www.smartsme.tv/knowledge-detail.php…
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น